เมนู

PRP คืนชีพผิวสวย ด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น

ฉีดPRP-Cover

ฉีด PRP คืนผิวสวยสุขภาพดีอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยฟื้นฟูอย่างล้ำลึกถึงใต้ชั้นผิว ให้เปล่งปลั่งดูสุขภาพดีจากภายใน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

การฉีด PRP (Platelet Rich Plastma) คือการรักษาด้วยการใช้เกล็ดเลือดของตัวเราเองที่ผ่านกระบวนการต่างๆมากมาย ทำให้ได้โกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) ที่เข้มข้นและมีคุณภาพ ซึ่งเมื่อฉีดลงบนหน้าใบหน้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรง ใบหน้าจะดูเปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น โดยเป็นอีกเทคโนโลที่เรียกได้ว่า เห็นผล ปลอดภัย และไม่ต้องผ่าตัด

PRP ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

การฉีด PRP ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของกระดูก เช่น ข้อเข่าเสื่อม รักษากล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย  เอ็นข้อเข่า เอ็นร้อยหวาย หรือฉีดลงบนศีรษะเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ไปจนถึงการฉีดลงบนใบหน้าเพื่อความสวยงาม ซึ่งเมื่อฉีด PRP ลงบนผิวหน้า จะให้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้

– ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างผิวจากภายใน ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์

– ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี

– ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยลดการอักเสบของผิว

– ช่วยรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็นเล็กๆ

– ช่วยรักษาฝ้า ช่วยรักษาสิว จุดด่างดำ รอยดำจากสิว

– ช่วยปรับผิวให้ละเอียด รูขุมขนดูกระชับขึ้น

– ช่วยปรับสมดุลการสร้างเม็ดสี ผิวจึงดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

– ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหลังทำเลเซอร์หรือทรีตเม้นต์ให้ดียิ่งขึ้น

PRP ปลอดภัยไหม?

ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย เพราะใช้เลือดของคนไข้เอง แรกเริ่มเดิมทีนั้นมีการนำ PRP (Platelet Rich Plasma) มาใช้รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โรคเกี่ยวกับเอ็นกล้ามเนื้อ หรือเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆ มานานแล้ว โดยสามารถรักษาและบรรเทาอาการบาดเจ็บเหล่านี้ได้โดยไม่ผ่าตัด โดยการนำเลือดของคนไข้มาปั่นเพื่อแยกเกล็ดเลือดและพลาสมาออกมา ก่อนผ่านกระบวนการต่างๆ ก่อนฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่บาดเจ็บ ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์

ด้วยการรักษาที่ปลอดภัยและเห็นผล อีกทั้งยังไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น นักกีฬามืออาชีพหลายคนจึงเลือกที่จะใช้ PRP แม้แต่นักกอล์ฟชื่อดัง อย่าง Tiger Woods เอง ก็เลือกที่จะฉีด PRP เพื่อรักษาอาการเอ็นร้อยหวายอักเสบของเขาเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น การทำ PRP เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักกีฬาบาสชื่อดังจาก NBA อย่าง Kobe Bryant ซุปเปอร์สตาร์ NBA, DeMarcus Cousins NBA All-Star คนปัจจุบัน, MLB slugger Alex Rodriguez และกัปตันทีม Chelsea John Terry จะเห็นได้ว่าทุกคนเลือกฉีด PRP เพื่อช่วยในการรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บต่างๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการรักษาด้วย PRP จึงนิยมใช้กันทั่วโลก ขอบคุณข้อมูลจาก Regenervate Injection Therapy, Orthohealing Center

รูปภาพจาก : britannica.com/biography/Tiger-Woods

ความแตกต่างของ PRP กับ MSCs (Mesenchymal stem cells)

หลายคนยังมีความเข้าใจผิดคิดว่า PRP กับ Stem Cell คือตัวเดียวกัน ซึ่งจริงๆแล้วทั้งสองตัวนี้ต่างกัน ตั้งแต่การทำงานของเซลล์ จนไปถึงการได้มาของตัวเซลล์PRP คือการนำเกล็ดเลือดมาจากตัวคนไข้ ผ่านกระบวนการมากมาย จนได้มาซึ่งโกรทแฟคเตอร์ ฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ในขณะที่ตัวสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาตัวเองไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างมากมาย มีศักยภาพที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์ใหม่เพื่อทดแทนเซลล์ในร่างกายที่เสื่อมสภาพ ตรงไหนพังหรือเสื่อมสภาพ เมื่อฉีดเข้าไปก็จะไปทำหน้าที่แทนในส่วนนั้น และเมื่อได้เซลล์มาแล้วก็จะนำมาเพาะเลี้ยงในห้องแลปที่ได้มาตราฐาน ดังนั้นการได้มาซึ่งสเต็มเซลล์จึงยากและมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากกว่า (ทำให้มีราคาที่สูงกว่ามาก) ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ MSCs คืออะไร? ทำไมถึงได้ชื่อว่า ‘น้ำพุแห่งความอ่อนเยาว์’

PRP เหมาะกับใครบ้าง?

– คนที่อายุเริ่มเยอะ ผิวเริ่มหยาบกระด้าง หย่อนคล้อย ดูไม่มีชีวิตชีวา เนื่องจากคอลลาเจนและอิลาสตินลดลง

– คนที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะการฉีด PRP จะใช้เกล็ดเลือดของตัวเองทำให้มีโอกาสแพ้น้อยมากหรือแทบไม่มีเลย

– คนที่สังสรรค์บ่อย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง

– คนที่ผิวหมองคล้ำ พักผ่อนน้อย ต้องการฟื้นฟูแบบเร่งด่วนและเห็นผล

– คนที่มีรอยแผลเป็น

– คนที่มีรอยสิว หลุมสิว ที่ไม่อยากทำเลเซอร์หรือฉีดฟิลเลอร์

– คนที่มีรูขุมขนกว้าง อยากให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับขึ้น

– คนที่อยากคงสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

ฉีด PRP แล้วจะเห็นผลตอนไหน?

ขึ้นอยู่กับว่าสภาพผิวเดิม รวมถึงปัญหาของคนไข้ โดยปกติแล้ว คนไข้จะรู้สึกผิวเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ 7 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 3 เดือน ดังนั้นควรฉีด PRP อย่างสม่ำเสมอ

PRP ควรฉีดกี่ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?

ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อรักษาประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

ฉีด PRP มีผลเสียไหม?

– ในการฉีด PRP นั้น หากเกล็ดเลือดที่ได้ผ่านกระบวนที่ไม่สะอาด หรือไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจทำให้มีสารปนเปื้อนและก่อให้เกิดอาการแพ้

– หากคนไข้มีอายุที่ค่อนข้างมาก เกล็ดเลือดที่ได้ก็มีอายุมากตามไปด้วย ทำให้ประสิทธิภาพที่ได้ลดลง หรือฉีดไปแล้วไม่เห็นผลเท่าที่ควร

ดังนั้นการฉีด PRP ในคนที่มีเซลล์ผิวที่อายุเยอะ จึงมีข้อจำกัดพอสมควร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในเคสสูงอายุจะไม่สามารถฉีด PRP ได้ เพราะด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน กู๊ดวิลล์ คลินิก ได้นำนวัตกรรมที่เรียกว่า PRP Ready เข้ามาให้บริการแล้ว

PRP Ready คืออะไร?

PRP Ready คือการฉีด PRP ที่ผ่านการคัดทั้งอายุของเซลล์ ความสมบูรณ์ของเกล็ดเลือด รวมถึงคุณภาพของเซลล์ เพื่อให้โกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) ที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพที่สุด เป็นเกล็ดเลือดที่ผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างดีจากสภากาชาติไทย มั่นใจได้ทั้งในเรื่องความบริสุทธิ์ รวมถึงความปลอดภัยในความเข้ากันได้ของเกล็ดเลือด ไม่ต้องเจ็บตัวในการเจาะเลือด หรือแม้แต่ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางอยู่ ก็สามารถฉีด PRP Ready ได้ นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ กู๊ดวิลล์ คลินิก ได้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามา เพื่อเป็นทางเลือกให้คนไข้ที่มีอายุเซลล์มากแล้ว หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโลหิตของตัวเอง ได้สามารถฉีด PRP ที่มีความเข้มข้น ฉีดแล้วเห็นผลนั่นเอง

PRP Ready ดีกว่ายังไง?

– ผ่านการคัดกรอง ผ่านระบบแลปที่ได้มาตรฐาน 

– ผ่านกระบวนการคัดโกรทแฟคเตอร์คุณภาพดีที่สุด

– ได้รับมาตรฐานจากสภากาชาติไทย มั่นใจได้ถึงความสะอาด ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเลือด

– เห็นผลจริง ไม่ต้องกังวลว่าฉีดแล้วจะไม่เห็นผล

– ไม่ต้องเจ็บตัว ผู้ที่ภาวะโลหิตจาง หรือปัญหาเกี่ยวกับโลหิตก็สามารถฉีด PRP ได้*

**ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดทุกครั้ง

Call Us Now